"วิถีพุทธ - วิถีไทย ใน ๓ ไตร ไตรสรณะ ไตรสิกขา ไตรบุญญกิริยาวัตถุ เพื่อให้พระพุทธศาสนาอยู่ได้ ทุ
- banjobchannel
- Oct 11, 2016
- 1 min read
@ ไตรที่ ๑
ตื่นเช้ามา...ทำชีวิตให้สดชื่นด้วยการนมัสการพระรัตนตรัย
(ผู้นำ)
หันทะ มะยัง พุทธัสสะ ภะคะวะโต ปุพพะภาคะนะมะการัง
กะโรมะ เส
เชิญเถิด ชาวเราทั้งหลาย เชิญมาทำ การนอบน้อมเบื้องต้น แด่
พระพุทธเจ้า ผู้ทรงไว้ซึ่งพระมหากรุณาธิคุณอันยิ่งใหญ่ เถิด
(ว่าพร้อมกัน)
นะโม ตัสสะ ภะคะวะโต อะระหะโต สัมมาสัมพุทธัสสะ (๓ หน)
ขอถวายความนอบน้อม แด่พระองค์ ผู้ทรงพระปัญญาลึกล้ำดัง
มหาสมุทร ผู้ทรงความบริสุทธิ์ใสสะอาด ผู้ทรงพิลาศด้วยพระมหากรุณาธิคุณ
อันยิ่งใหญ่
(ผู้นำ)
หันทะ มะยัง ติสะระณะคะมะนัง กะโรมะ เส.
เชิญเถิด ชาวเราทั้งหลาย เชิญมาทำ การประกาศตนถึงพระรัตนตรัย
ให้เป็นที่พึ่งที่ระลึกถึงเถิด
(ว่าพร้อมกัน)
พุทธัง สะระณัง คัจฉามิ
ข้าพเจ้า ขอถึง พระพุทธเจ้า เป็นที่พึ่งที่ระลึกถึงตลอดชีวิต
ธัมมัง สะระณัง คัจฉามิ
ข้าพเจ้า ขอถึง พระธรรม เป็นที่พึ่งที่ระลึกถึงตลอดชีวิต
สังฆัง สะระณัง คัจฉามิ
ข้าพเจ้า ขอถึง พระสงฆ์ เป็นที่พึ่งที่ระลึกถึงตลอดชีวิต
(ผู้นำ)
หันทะ มะยัง รัตนัตตะยะคุณะสังวัณณะนัง กะโรมะ เส
เชิญเถิด ชาวเราทั้งหลาย เชิญมาทำ การสรรเสริญคุณพระรัตนตรัย
เถิด
(ว่าพร้อมกัน)
พระพุทธคุณ
อิติปิ โส ภะคะวา
พระผู้มีพระภาคเจ้าพระองค์นั้น ทรงเป็นอย่างนี้ คือ
อะระหัง
ทรงห่างไกลจากกิเลส ทรงหักซี่กำแห่งกงล้อคือการ
เวียนว่ายตายเกิด ทรงทำลายข้าศึกศัตรูคือกิเลส ไม่ทรงมีบาปซ่อนเร้นใน
พระหทัย จึงทรงสมควรแก่การบูชา
สัมมาสัมพุทโธ
ตรัสรู้ความจริงถูกต้องครบถ้วนด้วยพระองค์เอง ไม่มีใครจะให้พระองค์
อ้างเป็นศาสดาของพระองค์ได้
วิชชาจะระณะสัมปันโน
ทรงเพียบพร้อมด้วยวิชชาความรู้เรื่องความจริงของชีวิตไม่ว่าจะของ
ใครในภพภูมิใดล้วนมีเกิดแก่เจ็บตายตามบีบคั้น ไม่ว่าจะในภพภูมิใดล้วนมีเศร้า
โศกเสียใจร้องไห้คร่ำครวญคอยบีบคั้น แล้วทรงแก้ทุกข์ทั้งงปวงนั้นด้วยพระ
จรณะการดำเนินชีวิตพระองค์ตามเส้นทางอริยมรรคมีองค์ประกอบ ๘ ประการได้
สอดคล้องต้องกัน จนพลันเกิดพระโพธิญาณรานกิเลสได้หมดสิ้น
สุคะโต
เสด็จไปดี เสด็จไปทำให้เกิดความปลอดภัยสงบสุขทุกที่ ตรัสสอนดี
ทำให้เกิดความร่มเย็นทุกสถาน ประทานความจริงที่เป็นประโยชน์ได้ถูก
กาละเทศะ
โลกะวิทู
ทรงรู้จักโลก ในฐานะเป็นที่อยู่อาศัยของสรรพชีวิต
ในฐานะเป็นชีวิตคือขันธ์ ๕ ในฐานะเป็นสภาพที่ถูกปรุงแต่งให้เกิดตามปัจจัย
ไม่มีใครสร้าง เสื่อมสลายไปตามปัจจัย
อนุตตะโร
ไม่มีใครเทียบเทียมได้ ไม่มีใครยิ่งใหญ่เหนือพระองค์
ปุริสะทัมมะสารถิ
ทรงฝึกผู้ที่สามารถฝึกได้ให้เดินตรงไปสู่นิพพานคือความพ้นทุกข์สบ
สุขที่ยั่งยืน
สัตถา เทวะมะนุสสานัง
เป็นพระศาสดาสอนมนุษย์ทุกชาติชั้นวรรณะ สอนเทวดาทุกสวรรค์ชั้น
ฟ้า แม้ว่าสัตว์ดิรัจฉาน สัตว์นรก เปรต อสุรกาย ก็ได้พึ่งพระบารมี
พุทโธ
เป็นพระพุทธเจ้า คือ ทรงรู้ความจริงของโลก ทรงตื่นจากกิลสที่ทำให้
สรรพสัตว์หลับใหล ทรงเบิกบานพระทัยไร้กิเลสทำให้ขุ่นม้ว
ภะคะวา
ทรงจำแนกแยกแยะพระธรรมที่ตรัสรู้มาด้วยพระองค์เองอย่างถูกต้อง
เหมาะสมแล้วสั่งสอนด้วยพระมหากรุณา ทรงมีท่วงท่าและพระรูปกายสง่างาม
ทรงเลิศล้ำด้วยกองกำลังโลกุตตรธรรม ๙ คือ มัคคญาณ ๔ ผลญาณ ๔ นิพพาน
๑ จึงทำให้ ๓ โลกสยบ (กราบพระพุทธคุณ)
พระธรรมคุณ
สฺวากขาโต ภะคะวะตา ธัมโม
พระธรรมคำสอน พระผู้มีพระภาค ตรัสไว้ดีแล้ว บริบูรณ์ครบถ้วนทั้ง
ด้านเสียงอักขระและความหมาย ไม่มีส่วนใดจะตัดออกได้หรือเพิ่มเติม
สันทิฏฐิโก
ผู้ปฏิบัติตามสามารถพิสูจน์ให้เห็นผลได้ด้วยตัวเอง
อะกาลิโก
ไม่ถูกขัดขวางด้วยกาลเวลา ไม่ว่ายุคใดสมัยใด พระธรรมที่พระองค์
สอนไว้ก็ปฏิบัติให้เห็นผลได้เสมอ
เอหิปัสสิโก
จึงควรแก่การเชิญมาพิสูจน์ดู
โอปะนะยิโก
ผู้ปฏิบัติตามสามารถน้อมนำเข้ามาไว้ในตัวเองได้ด้วยการปฏิบัติตาม
ปัจจัตตัง เวทิตัพโพ วิญญูหิ
จึงผู้มีปัญญาเท่านั้นจะรู้แจ้งได้เฉพาะตน (กราบพระธรรมคุณ)
พระสังฆคุณ
สุปะฏิปันโน ภะคะวะโต สาวะกะสังโฆ
หมู่สาวก ของพระผู้มีพระภาค ปฏิบัติดีแล้ว ดำเนินไปดีแล้วตามทาง
คือ อริยมรรคมีองค์ ๘
อุชุปะฏิปันโน ภะคะวะโต สาวะกะสังโฆ
หมู่สาวก ของพระผู้มีพระภาค ปฏิบบัติตรงแล้ว ดำเนินแล้วอย่าง
ซื่อตรงตามทางคืออริยมรรคมีองค์ ๘ นั้น
ญายะปะฏิปันโน ภะคะวะโต สาวะกะสังโฆ
หมู่สาวก ของพระผูมีพระภาค ปฏิบัติเพื่อรู้ธรรมที่พึงรู้คืออริยสัจหรือ
ความจริงที่ทำให้ละกิเลสได้ ๔ ประการ
สามีจิปะฏิปันโน ภะคะวะโต สาวะกะสังโฆ
หมู่สาวก ของพระผู้มีพระภาค ปฏิบ้ติชอบอย่างยิ่ง โดยเข้าถึง
อริยสัจ ๔ อย่างถูกต้องครบถ้วน
ยะทิทัง
หมู่สาวกนี้คือใครบ้าง
จัตตาริ ปุริสะยุคานิ
คือ คน ๔ คู่
อัฏฐะปุริสะปุคคะลา
แยกเรียงเป็นตัวบุคคลได้ ๘ บุคคล คือ :
ท่านผู้ตั้งอยู่ในโสดาปัตติมัคคญาณ ท่านผู้ตั้งอยู่ในโสดาปัตติผล
ญาณ (คู่ที่ ๑ มี ๒ บุคคล)
ท่านผู้ตั้งอยู่ในสกทาคามิมัคคญาณ ท่านผู้ตั้งอยู่ในสกทาคามิผลญาณ (คู่ที่ ๒ มี ๒ บุคคล)
ท่านผู้ตั้งอยู่ในอนาคามิมัคคญาณ ท่านผู้ตั้งอยู่ในอนาคามิผลญาณ
(คู่ที่ ๓ มี ๒ บุคคล)
ท่านผู้ตั้งอยู่ในอรหัตตมัคคญาณ ท่านผู้ตั้งอยู่ในอรหัตตผลญาณ
(คู่ที่ ๓ มี ๒ บุคคล)
เอสะ ภะคะวะโต สาวะกะสังโฆ
นี่แหละ คือ หมู่สาวกของพระผู้มีพระภาค
อาหุเนยโย
จึงเป็นหมู่ของผู้มาเยือนที่ควรต้อนรับด้วยปัจจัยเครื่องยังชีพ
ได้แก่ เครื่องนุ่งห่ม อาหารบิณฑบาต ที่อยู่อาศัย และยารักษาโรค
ปาหุเนยโย
จึงเป็นหมู่ของผู้มาเยือนคนสำคัญที่สมควรรับด้วยของต้อนรับ
ดีงว่ามานั้น
ทักขิเณยโย
จึงเป็นหมู่ของผู้มาเยือนที่คู่ควรแก่ของทำบุญ เพราะทำให้เกิดผลบุญ
แก่ผู้ให้
อัญชะลีกะระณีโย
จึงเป็นหมู่ผู้มาเยือนที่คู่ควรแก่การประคองมือไหว้เหนือ
เศียรเกล้า
อะนุตตะรัง ปุญญักเขตตัง โลกัสสะ
จึงเป็นนาบุญ ของชาวโลก ไม่มีนาบุญอื่นยิ่งกว่า เพราะทำให้พืชคือ
บุญเกิดงอกงามแตกดอกออกผลอย่างไพศาล
(กราบพระสังฆคุณ)
(ว่าพร้อมกัน)
๑. จิรัง ติฏฐะตุ พุทธะสาสะนัง ทัยยะรัฏฐัมหิ เจวะ โลกมฺหิ จะ
ยาวะ โลกัสสะ ปะวัตติยา
ขอพระพุทธศาสนาจงอยู่คู่โลกคู่ไทยไปนานเท่านาน (๓ ครั้ง).
๒. อนุสสะราม โข ปะนะ อิทานิ
พุทธะสาสะนิกา มะยัง ภะวามะ, พุทธัสสะ โอระสา ภะวามะ
พุทธัสสะ ทายาทา ภะวามะ.
บัดนี้ ขอให้เราทั้งหลายระลึกไว้เสมอว่า
เราทั้งหลายเป็นชาวพุทธ
เราทั้งหลายจึงเป็นโอรสของพระพุทธเจ้า
เราทั้งหลายจึงเป็นทายาทรับรักษาและสืบทอดมรดกคือคำสอนของ
พระพุทธเจ้า
สุสมาหิตา อนุปฏิปัชชามะ
เราทั้งหลายขอปฏิบัติตามพระองค์อย่างมั่นคง เพื่อให้เกิดศีล สมาธิ
ปัญญาเป็นส่วนตน และแตกผลเป็นเกิดเมตตากรุณาช่วยเหลือสรรพสัตว์เป็นส่วน
รวม
จบ ไตรที่ ๑
Commenti