ถึงพี่น้องสมาพันธ์ชาวพุทธทุกท่าน
- Boulder, รัฐโคโลราโด, สหรัฐอเมริกา
- Oct 30, 2016
- 1 min read
@ ผมกำลังใกล้จะเสร็จสิ้นภารกิจที่อเมริกาแล้วทั้งการประชุมวิชาการกับ มหาวิทยาลัยนโรปะและการจัดตั้งสมาพันธ์ชาวพุทธสหรัฐอเมริกา จากนั้นก็เดินทางกลับเมืองไทยบ้านเรา
@ ผมติดตามข่าวการทำงานของพี่น้องตลอด ดีใจที่งานสมาพันธ์ฯก้าวหน้าไปตามลำดับทั้งงานเอกสารและการสัมพันธ์กลุ่มคน รวมทั้งความไวในการรับรู้สถานการณ์ที่กำลังเกิดขึ้นและเปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็ว โดยเฉพาะสถานการณ์การตื่นตัวทางการเมืองเพื่อรักษาและอุปถัมถ์คุ้มครองพระพุทธศาสนาศาสนาประจำชาติไทยของเรา จึงขอทำความเข้าใจกับพี่น้องไว้ ณ ที่นี้ว่า
๑. การที่มีหลายท่านดูจะวิตกกังวลกับปรากฏการณ์หนึ่งในบ้านเรามาก คือ การประกาศตั้งพรรคการเมืองชาวพุทธของชาวพุทธหลายกลุ่ม ที่เริ่มตื่นตัวโหมโรกันขนานใหญ่ในขณะนี้ นั้น ในเรื่องนี้ใคร่ขอให้พี่น้องสมาพันธ์อย่าวิตกดังวล แต่ขอให้ภูมิใจว่าเราได้ทำหน้าที่ "ปลุกชาวพุทธให้ตื่น" ได้สำเร็จแล้วสมดังปณิธานที่ตั้งไว้แต่แรกในการทำงานของพวกเรา คือ ปลุกใหตื่น
๒. การที่มีเพื่อนเราบางกลุ่มบางคน เช่น สมาคมเปรียญ ๙ (สป. ๙) แยกกันกับเราแล้วไปทำงานอยู่เฉพาะกลุ่มของเขา ซึ่งหลายคนกำลังกังวลว่า ทำให้พระและชาวพุทธอื่นๆเข้าใจผิดว่า กลุ่ม สป.๙ ยังทำงานกับเราอยู่ นั่น ในเรื่องนี้ ผมขอแจ้งว่า บัดนี้ กลุ่มสมาคมเปรียญ ๙ ซึ่งมี ดร.รักสยาม นามานุภาพ เป็นนายกสมาคม และมี อ.เอกภพ เหล่าลาภะ เป็นเลขาธิการ ได้ทำงานแยกกับเราแล้วอย่างเด็ดขาด
สิ่งหนึ่งที่ผมขอทำความเข้าใจเพิ่มเติม คือ สมาคมเปรียญ ๙ ของ ดร.รักสยาม ไม่ใช่กลุ่มเดียวกับ กลุ่ม ป.ธ. ๙ ที่รวมกันตั้งไลน์สนทนากันและมีผมเป็นเพื่อนอยู่ด้วย สมาคมเปรียญ ๙ แม้ตอนแรกจะดูเหมือนมีสมาชิกมากคึกคักทำงานโดดเด่นจนเป็นความหวังของสถาบันสงฆ์ แต่ขณะนี้เหลือคนทำงานหลักๆอยู่ ๒ คน คือ ดร.รักสยาม กับ อ.เอกภพ ส่วนคนอื่นๆพากันถอยและถอนตัวก็เพราะไม่สบายใจตรงที่เกิดมีพฤติกรรมที่พระพรหมกวี เจ้าอาวาสวัดกัลยาณมิตรเรียกว่า " เปรียญ ๙ ตบทรัพย์" กล่าวคือ เมื่อตอนที่วัดกัลยาณมิตรมีคดีพิพาทกับกรมศิลปากรเรื่องการรื้อถอนอาคารในวัดที่กรมศิลป์ลงทะเบียนไว้เป็นโบราณสถาน ดร.รักสยาม ในนามนายกสมาคมเปรียญ ๙ ได้เสนอตัวเข้าช่วยเหลือ และขอค่าใช้จ่ายในการนี้ตามที่เจ้าอาวาสเล่าคือ ๕,๐๐๐,๐๐๐ บาท (ห้าล้านบาท) แต่เจ้าอาวาสจ่ายให้ก่อนเป็นงวดๆรวมแล้ว ๒,๗๐๐,๐๐๐ บาท (สองล้านเจ็ดแสนบาท) เนื่องจากศาลตัดสินก่อน ผมได้เคยสอบถามเรื่องนี้กับ ดร.รักสยาม ท่านตอบทำให้เข้าใจได้ว่า มีการจ่ายตามนั้นจริง แต่ตัว ดร.รักสยามได้รับดูจะ ๒,๐๐๐,๐๐๐ บาท ส่วนที่เหลือหลายฝ่ายได้รับไป (ซึ่งฟีงแล้วซับซ้อนไม่ชัดเจน)
ที่ผมต้องเดือดร้อนก็คือ ในการที่ ดร.รักสยามเสนอตัวเข้าช่วยเหลือนั้นได้อ้างชื่อผมกับผู้ใหญ่ในสังคมอีกท่านหนึ่งว่าสนับสนุนกลุ่มของเขา ทำให้เจ้าอาวาสวัดกัลยาณมิตรเชื่อถือและให้โอกาส จึงยอมให้เบิกเงินไปได้ แต่แล้ว ดร.รักสยาม ช่วยท่านไม่ได้ ท่านจึงรู้ตัวว่าถูกหลอกและต้องการได้เงินวัดที่จ่ายให้ดร.รักสยามกับกลุ่มคืน แต่ก็ไม่ได้คืน หลังจากนันผมมีโอกาสพบท่านท่านยังปักใจเชื่ออยู่ว่าผมมีส่วนสนับสนุน ดร.รักสยามในเรื่องนี้จริงจึงมีท่าทีไม่ต้นรับและไม่เป็นมิตร จนกระทั่งผมเรียนถามรายละเอียดต่างๆจึงได้ข้อมูลอย่างที่เรียนให้ทราบมานั้น และผมเคยขอให้ ดร.รักสยามเข้าไปเคลียร์กับท่าน แต่ดูเหมือนว่าดร.รักสยามไม่ได้ไป ซึ่งน่าเสียดาย ผมเคยให้ทนายที่รู้จักศึกษาเรื่องนี้ ก็ได้คำตอบว่า ในแง่กฏหมาย ดร.รักสยาม ไม่ผิด เพราะมีเอกสารที่ทำขึ้นรองรับการใช้เงินดำเนินคดีถูกต้อง แต่ในแง่จริยธรรมคุณธรรมของผู้ที่มาจากวัดและจบเปรียญ ๙ ด้วย ไม่มั่นใจว่า ดร.รักสยามทำถูก
ดังนั้น จึงขอให้สบายใจว่า ผมไม่มีส่วนเกี่ยวข้องในเหตุการณ์ที่พระท่านเรียกว่า "ตบทรัพย์" แน่นอน แต่เรื่องนี้เป็นเรื่องใหญ่ที่ต้องทำความเข้าใจกับพระทั่วประเทศเพราะมีการกระจายข่าวไปในหมู่พระผู้ใหญ่นานแล้ว และผมคิดว่าตอนนี้ บุญคุ้มครองพวกเราไม่ให้ตกอยู่ในการรกระทำที่น่าสงสัยนั้นด้วย เพราะบัดนี้ ดร.รักสยาม ได้ถอยจากเราไปตั้งกลุ่มใหม่เพื่อการเป็นพรรคการเมือง โดยมีคุณหญิงสมปอง วรรณิสร เป็นผู้สนับสนุน จากการดำเนินการของลูกบุญธรรมของท่าน คือ คุณกรธิดา หรือที่เราเรียกกันว่า น้องผึ้ง และยังไปขอแรงหนุนจากพ่อใหญ่จิ๋ว พลเอกชวลิต ได้อีก เพราะมีโครงการปลูกป่าราคาถูกไปเสนอท่าน ซึ่งตอนแรกท่านจะทำโครงการนี้ถวายคณะสงฆ์ที่วประเทศใช้เงินหลายร้อนล้านบาท แต่นายก ฯ สป.๙ แทรก เสนอโครงการปลูกป่าขนาดจิ๋วแทน คือ ใช้ต้นไม้ ๙ ต้นปลูกนำในวัดแห่งหนึ่งในภาคอีสาน และเบิกค่าใช้จ่าย ๕๐,๐๐๐ บาท พ่อใหญ่จิ๋วตกลงเอาด้วย ประหยัดเงิน แต่ได้ชื่อ และต่อมาก็มาเกิดที มจร.วังน้อย เราจึงเห็นภาพพลเอกชวลิต กับคุณหญิงสมปองไปปลูกป่าร่วมกันที่ มจร. โดยการจัดการของสมาคมเปรียญ ๙ ซึ่ง ดร.รักสยาม เป็นนายก ฯ และน่าชื่นชมว่า มีอยู่เพียง ๒ หรือ ๓ คน แต่ทำงานใหญ่ได้ขนาดนี้
จากการที่ได้ทราบว่า ตอนแรกคุณหญิงกับน้องผึ้งก็ไม่ชอบ ดร.รักสยาม โดยโทร.มาบอกผม ผมเองในฐานะรุ่นพี่และมอง ป.ธ. ๙ ในแง่ดีจึงช่วยพูดให้ลดการมอง ดร.รักสยาม ในแง่อคติ จะเป็นเพราะการพูดของผมหรือเปล่าไม่ทราบ จึงตอนหลังเห็น ดร.รักสยามกับน้องผึ้งเข้ากันได้อย่างสนิทสนม และกลายเป็นลูกรักคนหนึ่งของคุณหญิงไป ...แต่จากนั่นก็มีกระแสข่าวมาถึงกลุ่มของผมในทางไม่ดีต่างๆ ถึงขั่นจะต้องปรับทีมเลขา บ้าง รื้อการทำงานบ้าง ในเวลาเดียวกัน กลุ่ม ป.ธ. ๙ ที่ไม่หนุน ดร.รักยาม ก็มากระหน่ำทีมเลขาของผมอีก จนผมต้องเปิดบ้านเชิญชวนพวกเขามาซักฟอกผมและทีมเลขาผม จนป่านนี้ก็ยังไม่มีใครมาตามคำเชิญ ซึ่งผมยังหวังอยู่ว่า คงได้มาพบกัน เพราะผมก็อยากรู้ว่า ทีมเลขาของผมไม่ดีอย่างไร บกพร่องส่วนไหน หรือไปตบทรัพย์ใครมาบ้าง จะได้จัดการกันถูก
สำหรับผมขอเรีบนว่า ณ วันนี้ ดร. รักสยามอยู่ในฐานะแค่ถูกกล่าวหาจากพระผู้ใหญ่ ทางกฏหมายถือว่ายังบริสุทธิ์ จึงอยากให้เขาได้จับมือกับคุณหญิงและน้องผึ้งทำงานกันต่อไป เพราะเชื่อมั่นว่า เวลาเท่านั้นจะพิสูจน์ว่าใครจริงใครเท็จ
@ ผมขอเขียนมาหาพี่น้องเท่านี้ก่อน เพื่อบอกว่า อย่าหวั่นไกวกับการที่ใครต่อใครชิงประกาศนำในการจัดตั้งพรรคการเมือง กลุ่มเราก็ประกาศไว้แล้วว่าทำแน่ เพราะหากไม่ทำเท่ากับพวกเราขาดความรับผิดชอบต่อพระพุทธศาสนา เพียงแต่ว่าตอนนี้สถานการณ์บ้านเมืองยังไม่พร้อม พระเจ้าอยู่หัวของพวกเราเพื่งสวรรคตจากพวกเราไป คนไทยส่วนใหญ่ยังไม่หายสร่างโศก จึงขอให้พวกเราใช้เวลานี้ตรวจสอบดูใจของเราอีกครั้งหนึ่งว่าเอากันแน่ไหม ? เราไม่มีเงินนะมีแต่สติปัญญา ความตั้งใจทำถวายพระพุทธเจ้า จะไปต่อได้หรือไม่ ผมเชื่อว่าตลอดเวลาที่ร่วมทางกันมาน่าจะทำให้คนมีปัญญาอย่สงพวกเราพอมองทางออก คงไม่ต้องพูดอะไรมากแล้วนะ
@ คิดถึงพี่น้องๆทุกคน ผมสบายดี อยู่กลางอากาศหนาว เมืองสวย คนดี ไม่มีอะไรน่าห่วง เดียวได้เจอกันแล้ว ได้กินข้าวราคาประหยัดด้วยกัน แต่คุยเรื่องใหญ่มากๆ กันอีก
สวัสดี
Comments