"ที่มหาวิทยาลัยนโรปะ ความคิดหนึ่ง...แต่หลายมือช่วย เลยทำวัดให้กลายเป็นมหาวิทยาลัยพระพุทธศาสนาติ
- Banjob Channel
- Oct 29, 2016
- 1 min read
@ เมื่อวานมีการทำพิธีต้อนรับคณะเราอย่างเป็นทางการ หลังจากเมื่อคืนมีการแสดงละครของนักศึกษาเรื่อง "Spill" ให้เราดู นักแสดงล้วนเป็นนักศึกษาปริญญาโทมี่ต้องการสะท้อนความสับสนของสังคมโลก ได้รับการปรบมือจากผู้ชม
@ เรามาถึงมหาวิทยาลัย ๘.๓๐ น. หลังทานอาหารเช้าแล้ว เราก็ใช้เวลาสนทนากัน หัวหน้าภาควิชา Department of Wisdoms Tradition ชวนเราคุยเรื่องการเรียนพระพุทธศาสนา ผมจึงได้โอกาสถามถึงที่มาของชื่อ "Wisdoms Tradition" ว่า หมายถึงอะไร ? เกิดมาได้อย่างไร ? ท่านตอบว่า คือ การรวมปัญญาจากศาสนาต่างๆมาไว้ให้ศึกษากัน
@ ในการสนทนาในห้องอาหาร มีอาจารย์ชาวอเมริกันท่านหนึ่งเสนอประเด็นสนทนาเพิ่มคือเรื่อง Faith ซึ่งหลายท่านก็อธิบายจนเชื่อมโยงมาถึง Confidence แล้วลามะ พระในชุดฆราวาสก็เสริมว่า Faith เป็น driving force ผมได้จังหวะเลยเสริมว่า
"faith is the translation of Shraddha in Sanskrit and Saddha in Pali. The root of both is dha, the meaning of which is to place. Their prefix shrad or sam means well, stable. So Shraddha or Saddha is to place (mind) well and stably ( in good) and fundamentally is one of wholesome mental formations."
"Faith คือ คำแปลของคำสันสกฤตว่า ศรัทธา และคำบาลีว่า สัทธา คำทั้งสองมาจากรากศัพท์คำเดียวกัน คือ ธา หมายถึง "วาง" ส่วน ศรัท และ สัท เป็นอุปสรรค (คำวางหน้า) หมายถึง ดี มั่นคง ดังนั้น ศรัทธาหรือสัทธาจึงแปลว่า ารวาง(จิต)ไว้อย่างดี อย่างมั่นคง (ในความดี) ซึ่งโดยพื้นฐานแล้วเป็นเจตสิกฝ่ายกุศลตัวหนึ่งในหลายตัว"
@ ผมได้โอกาสร่ายยาวโดยมีคนไทยเรานั่งพยักหน้าเอาใจช่วย ...ภาษาอังกฤษผมแค่พอพูดให้เขาฟังรู้เรื่อง แต่ยังต้องปรับอีกเยอะ ลามะเป็นชาวเนปาลฟังท่านพูดภาษาอังกฤษแล้วผมใจชื้นเป็นกอง สำเนียงท่านไม่ดี แต่สาระดี ผมก็เลยคิดว่าจะต้องยึดการพูดแบบเน้นสาระ
@ ผมเคยขึ้นเวทีอภิปรายเรื่องพระพุทธศาสนาเป็นภาษาอังกฤษกับคนไทยหลายคนที่พูดอังกฤษได้คล่อง ถ้าเทียบกันแล้วลีลาความคล่องผมสู้ท่านไม่ได้ ผมจึงเน้นเนื้อหา พยายามทำความหมายให้ชัดเจนและมีตัวอย่างประกอบ พอประคองตัวให้รอดไปได้
ลงมาจากเวที ด้วยความเจียมตัวว่าพูดอังกฤษไม่เก่งก็เลยไปนั่งหลบมุมหลับตาฟังสัมมนา แต่แล้วก็มีมือมาจับมือผม ผมลืมตาเห็นเด็กหนุ่มฝรั่งคนหนึ่งยิ้มให้แล้วพูดว่า
"Sir, thank you for making a knotty point clear, I spent long time to get to the true meaning of Karma and today I get what I want to know." "อาจารย์ ขอบคุณสำหรับคลี่คลายผมสงสัย ผมใช้เวลานานศึกษาหาความหมายของกรรม วันนี้ผมได้ความรู้มีผมอยากรู้แล้ว"
@ คำพูดของเด็กหนุ่มเหมือนฝนแรกรดดินน่าแล้ง ผมใจชื้น ยิ้มให้เขาจับมือเขา แล้วเขาก็บอกอีกว่า "I prefer talking a little with essence to talking much without essence."
@ เดียวผมจะขึ้นเสนอบทความเรื่อง พุทธธรรมเพื่อการบริหาร คงต้องใช้วิธีการอย่างที่เด็กหนุ่มชอบละครับ
Commentaires