top of page
Recent Posts
Featured Posts

"จุดด่างดำในผ้าขาวสะอาดเห็นง่ายมาก แต่ในผ้าดำสกปรกกลับเห็นได้ยาก"

  • banjobchannel
  • Nov 26, 2016
  • 1 min read

@ ซูจีกับท่านวีรทูเป็นชาวพุทธพม่าซึ่งอยู่ในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ทั้งสองท่านคือชาวพุทธผู้ซื่อสัตย์ แต่กำลังมีผู้พยายามใช้ความขัดแย้งเรื่องศาสนาในพม่าบ้านเกิดผลักให้ท่านเป็นผู้ก่อการร้าย

@ ในฐานะชาวพุทธคนหนึ่ง ผมขอยืนยันว่าพระพุทธศาสนาหรือคำสอนของพระพุทธเจ้าบริสุทธิ์ พระพุทธเจ้าเองก็ทรงเตือนเหล่าสาวกของพระองค์ให่เข้าใจความจริงว่า ศาสดาใดก็ตามที่สอนสาวกของตนให้มีแต่เพิ่มพูนกิเลสย่อมมีค่าควรแก่การถูกตำหนิ

@ เนื่องจากท่านเป็นนชาวพุทธที่ดี จึงไม่มีใครเชื่อว่าจะเป็นตามนั้น อย่าว่าแต่ชาวพุทธไม่เชื่อเลย แม้นักศาสนานิยมทั้งหลายก็ไม่เชื่อเช่นนั้น ทำไมล่ะ ? เพราะไม่มีคำสอนส่วนไหนของพระพุทธเจ้าที่จะอนุญาตให้สาวกไปใช้ความรุนแรง ตรงกันข้าม พระองค์กลับมีแต่ตำหนิและปฏิเสธความรุนแรงทุกรูปแบบอย่างแข็งขัน

@อะไรเล่าที่มาต้อนทั้งสองท่านให้เข้ามุมถึงขั้นที่ถูกเรียกว่าผู้ก่อการร้าย ผมไม่รู้เกี่ยวกับซูจี แต่สำหรับพระวีรทูเราได้คุยกันถึง ๓ ชั่วโมงถึงรู้ว่า ท่านไม่มีอะไรซ่อนเร้น ทั้งหมดที่ทำไปก็เพื่อคุ้มครอง ๓ สิ่งของพม่า คือ เผ่าพันธุ์ของพม่า ภาษาของพม่า และศาสนาของพม่า เท่านั้น

@ เมื่อเราถามถึงปัญหาเกี่ยวกับมุสลิม ท่านตอบชัดเจนว่า รัฐบาลพม่าดูแลมุสลิมที่เกิดในพม่าเป็นอย่างดี แต่ปฏิเสธที่จะรับดูแลมุสลิมอพยพจากประเทศที่มีชายแดนติดกัน เพราะเขาไม่ใช่ชาวพม่า แต่มีเจตนาซ่อนเร้นที่จะมาทำร้ายประเทศของเราซึ่งเป็นดินแดนพระพุทธศาสนา มุสลิมที่เป็นอยู่ทั่วโลกแสดงความเห็นแก่ตัว คือ ไม่สนใจพวกตัวเองที่กำลังเผชิญทุกข์ แต่จะผลักภาระให้ประเทศอื่น และก็รุมทำร้ายเขาหากพวกตัวถูกปฏืเสธ

@ "ทำไมประเทศมุสลิมไม่รับผิดชอบคนมุสลิมด้วยกันเล่า ?" ท่านถามกลับ คำถามของท่านเตือนใจพวกเราให้ระลึกถึงสถานการณ์ที่เป็นจริงที่เกิดขึ้นทั่วโลก ท่ามกลางวิกฤตมุสลิมอพยพ ไม่มีประเทศมุสลิมประเทศไหนเปิดประตูต้อนรับมุสลิมด้วยกันเลย ได้แต่แหกปากตะโกนขอให้ประเทศอื่นช่วยเหลือ

ในการประชุมเรื่องพระพุทธศาสนากันคราวหนึ่งที่ลังกา ขณะที่กำลังแลกเปลี่ยนความคิดเห็นกัน ชาวพุทธคนหนึ่งพูดว่า "ตรงกันข้าม เราชาวพุทธกับชาวคริสเตียนจะอพยพเข้าไปในประเทศมุสลิมไม่ได้เลย หากพวกเราไม่เปลี่ยนศาสนา"

@ พระวีรทูยังกล่าวต่อไปว่า พวกเรา (ชาวพุทธกับชาวคริสต์)ต้องตั้งคำถามว่า ทำไม ประเทศทึ่ไม่ใช่มุสลิมจึงไม่อยากต้อนรับชาวมุสลิม ?

คำตอบก็คือ" เพราะพวกอิสลามอพยเข้าไปพร้อมกับลัทธิอิสลามและใจแคบเหลือเกินไม่เคยคิดจะอยู่ร่วมกับเจ้าของถิ่นอย่างสันติ"

ชาวพุทธพม่ามีประสบการณ์ดี โดยเฉพาะซูจีกับม่านวีรทู พระวีรทูจึงได้แสดงความรับผิดชอบพระพุทธศาสนาด้วยการจับมือกับผองเพื่อนคุ้มครองพระพุทธศาสนาซึ่งเป็นศาสนาประจำชาติด้วยการตั้งองค์กร"มะพะตะ" เพื่อคุ้มครองทั้งพระและฆราวาส

ณ จุดนี้ อาจมีความรุนแรงบางอย่างเกิดขึ้นได้ เพราะการรุกรานของมุสลิมบางคนมี่ทำไม่ดีกับพระสงฆ์ซึ่งคนพม่าเขาเคารพ เช่นเอาขี้คนขี้วัวใส่บาตรเวลาพระบิณฑบาตตอนเช้า ก็ทำให้ฆราวาสโกรธแค้นมาแก้แค้นเอากับมุสลิมได้ จึงทำใฟ้ความรุนแรงมีต่อเนื่องมาถึงทุกวันนี้ เรื่องทำร้ายมุสลิมพม่าเขาคงไม่ทำ มีแต่มุสลิมอพยพ คือ โรฮินยา

เพื่อไม่ให้เกิดเรื่องนี้ซ้ำอีก ชาวพุทธพม่าจึงต้องเข้มแข็ง เนื่องจากพวกเขารู้แล้วว่าวิธีที่สุภาพไม่สามารถยุติพวกเขาได้ นอกจากต้องใช้วิธีที่รุนแรงเท่านั้น

@ จุดด่างดำในผ้าขาวเห็นได้ง่าย ฉันใด พระพุทธศาสนาก็เหมือนผ้าขาว พอมีความผิดเกิดขึ้นแม้เล็กน้อยก็จะค้นหากัน ตรงกันข้ามกับหลายศาสนาที่ไม่ใช่ผ้าขาวสะอาด แม้จะมีจุดด่างจุดดำมาก แต่ก็มองไม่เห็นกัน (หรือทำเป็นมองไม่เห็น) เพราะเหตุที่พระพุทธศาสนาบริสุทธิ์มาก การกระทำของทั้งสองท่านแม้จะเล็กน้อยมาก แต่กลับถูกขยายไปอย่างไม่ยุติธรรมแถมลำเอียง

@โซเชียลเนตเวิร์คชอบตั้งคำถามว่า ทำไมพม่าใช้ความรุนแรงกับพวกมุสลิม ? แต่ไม่เคยถามเลยว่า แล้วคนมุสลิมทำอะไรไว้แก่พม่าบ้าง ?

@ ดังนั้น เราชาวพุทธจึงไม่เห็นด้วยกับข้อกล่าวหาว่าทั้งสองท่านคือผู้ก่อการร้ายของพระพุทธศาสนา น่าประหลาดนะ มุสลิมหัวรุนแรงทำลายไปทั่วโลกกลับไม่มีใครประนามว่า ก่อการร้าย แต่พอชาวพุทธตอบโต้เพื่อป้องก้นตัว ป้องกันชาติ ป้องกันพวกพ้อง ป้องกันศาสนาตัวเอง กลับถูกประนาม

@ บทความนี้ขอมอบแด่ทั้งสองท่านในฐานะชาวพุทธตัวอย่าง


 
 
 

Comments


Search By Tags
Archive

ติดต่อประสาน

ฝ่ายข่าวสารข้อมูล BanJob Channel Today News

Email:BanJobChannel@Gmail.com

Copyright © 2016 BanJob Channel Today News  is not responsible for the content of external sites. 

bottom of page