top of page
Recent Posts
Featured Posts

ธรรมะของนักบริหาร ชุดที่ ๑ "สัปปุริสธรรม ๗ ธรรมของคนที่เป็นหลัก เป็นธรรมะฝ่ายปัญญาล้วนๆ แต่เป็น

  • banjobchannel
  • Nov 29, 2016
  • 1 min read

@ คนเรียนสายวัดจะท่องสัปปุริสสุธรรม ๗ ได้ตั้งแต่เรียนนักธรรมชั้นตรี แต่อาจจะมาเข้าใจจริงๆหลังจากนั้นอีกหลายปีหรือหลายสิบปี ผมเองก็เป็นอย่างนั้น เพิ่งมาเข้าใจความหมายของหลักธรรมนี้จริง เมื่อ ๑๐ ปีมานี้เอง

@ เท่าที่เข้าใจกันมา สัปปุริสธรรม นิยมแปลกันว่า ธรรมของคนดี เพราะเข้าใจไปว่า สัป มาจาก สํ ที่แปลว่า พร้อม และ ดี ดังนั้นเลยแปล สัปปุริส ว่า คนดี เท่านั้น แต่เอาเข้าจริงน่าจะมาจาก สตฺ (สัท) ที่แปลว่า จริง แท้ มั่นคง แก่น เมือมาใช้ในภาษาบาลีที่มี ป ตามหลังจึงแปลง ตฺ เป็น ปฺ ดังนั้น สัปปุริส จึงน่าจะหมายถึง คนจริง คนมั่นคง คนที่เป็นหลัก

@ สัปปุริสธรรม สอนเราให้ได้รู้ว่า การจะเป็นคนมั่นคงได้ต้องมี "ปัญญา" คือ ความรู้ชัดเจน เป็นความรู้ระดับพัฒนาตน คุ้มครองตน ซึ่งได้แก่ ความรู้ในเรื่องต่อไปนี้ ๑. รู้จักสภาวะ เนื้อแท้ ความหมายที่แท้ของธรรม คือ ปรากฏการณ์ที่เกิดขึ้นสัมพันธ์กับธรรม เราชอบแปลว่า ผล (อัตถัญญุตา) ๒. รู้จักธรรม คือ สิ่งที่ปรากฏ ได้แก่ ขันธ์ ๕ ที่ปรากฏเป็นนามกับรูป เราชอบว่าแปลว่า เหตุ (ธัมมัญญุตา) ๓. รู้จักตัวเอง รู้จักนิสัยของตัวเอง รู้จักปรับปรุงนิสัยพัฒนาคุณธรรม รู้จักสถานะของตนเอง รู้จักหน้าที่ของตัวเองว่าคืออะไร ? ควรทำอย่างไร ? จึงจะให้สมบูรณ์โดยที่กิเลสลดคุณธรรมเพิ่ม ซึ่งเป็นผลมาจากการรู้จักสภาวะรู้จักธรรม (อัตตัญญุตา) ๔. รู้จักความพอเหมาะ รู้จักความพอดีในการปรับตน ปรับสภาพจิต การแสดงตนให้พอเหมาะในด้านต่างๆ ซึ่งเป็นผลมาจากการรู้จักตัวเอง (มัตตัญญุตา) ๕. รู้จักเวลา ในการทำงานให้เหมาะสม ซึ่งเป็นผลมาจากรู้จักความพอเหมาะ (กาลัญญุตา) ๖. รู้จักกลุ่มคน ที่เกี่ยวข้อง เพื่อจะได้วางตนได้เหมาะกับงานกับเวลา (ปริสัญญุตา) ๗.รู้จักบุคคลเป็นรายตัว รู้จักทั้งนิสัยของเขา ความสามารถ หากมุ่งพัฒนาคุณธรรม ต้องกล่าวว่ารู้อินทรีย์ ๕ คือ ความเชื่อ (สัทธา) ความเพียร (วีริยะ) ความรู้ทันขณะปัจจุบัน(สติ) ความมีความมั่นคงและสงบ (สมาธิ ) ความรู้พัฒนาตน กิเลสลดคุณธรรมเพิ่ม (ปัญญา) ของแต่ละคนจะได้พัฒนาเขาได้ถูกต้อง และหากจะใช้งานจะใช้ได้ถูกที่ถูกทาง อย่างที่ฝรั่งเรียกว่า

@ จะเห็นว่าทั้งหมดเป็นเรื่องของปัญญาล้วนๆ แล้วปัญญานี้มาจากไหน ? ปัญญานี้แหละที่เรียกว่า ปัญญาบริหารตน

@ ปัญญาบริหารตน แปลมาจาก ปาริหาริกปัญญา ซึ่งก็คือ ปัญญาใช้งาน มีสภาพ สุขุม ลุ่มลึก แหลมคม กล้าแข็ง ว่องไว และกว้างขวาง ปัญญานี้ หากพิจารณาตามวิสุทธมรรคก็คือ ปัญญาที่เกิดจากการเรียนรู้และการคิดแล้วบ่มเพาะด้วยศีล (เจตนางดเว้นจากการทำไม่ดีมีหิริโอตัปปะเป็นฐาน) และ สมาธิ (ความสงบลุ่มลึกไปตามลำดับ)จนเกิดวิปัสสนาปัญญา คือ รู้เห็นตามเป็นจริงว่าไม่เที่ยงเป็นทุกข์เป็นอนัตตา แต่ความเห็นนี้ต้องมาลงที่ตัวเรานะ เมื่อได้ปัญญานี้อย่าหยุดนิ่งนะ ปัญญาจะเสื่อมถอย ด้วยถูกนิวรณ์ครอบงำจนสติสมาธิอ่อนกำลัง ดังนั้นต้องออกมาทำงานใช้วิปัสสนาปัญญาวิเคราะห์ใคร่ครวญ อย่างนี้จะทำให้แหลมคมเข้มแข็งจนคุ้มครองตนให้ปลอดภัยจากกิเลสเพื่อก้าวสู่มัคคญาณล้างผลาญกิเลสและผลญาณ

@ ที่นำรูปพระพรหมคุณาภรณ์หรือสมเด็จใหม่ ในพระราชทินนามว่า สมเด็จพระพุทธโฆษาจารย์ ก็เพื่ออยากเรียนว่า ผมเข้าใจว่าพระเดชพระคุณได้ใช้ปาริหาริกปัญญาดูแลตัวท่านเองมาตลอด...

@ มหาเถรํ วรํ นมามิ อหํ - ข้าพเจ้าขอนมัสการพระมหาเถระผู้ประเสริฐ


 
 
 

Commentaires


Search By Tags
Archive

ติดต่อประสาน

ฝ่ายข่าวสารข้อมูล BanJob Channel Today News

Email:BanJobChannel@Gmail.com

Copyright © 2016 BanJob Channel Today News  is not responsible for the content of external sites. 

bottom of page