ถึง พี่น้องสมาพันธ์ชาวพุทธแห่งประเทศไทยทุกท่าน (ฉบับที่ ๔) จากชิคาโกถึงไทย
- banjobchannel
- Nov 5, 2016
- 1 min read

@ ภารกิจของผมที่อเมริกาเสร็จสิ้นแล้ว ผมกำลังนั่งรอขึ้นเครื่องบินสายอเมริกันแอร์ไลน์กลับบ้านที่สนามบิน Ohare เมืองชิคาโก รัฐอิลลินอยส์ ซึ่งถ้าไม่พลิกรัฐนี้กำลังจะมีประธานาธิบดีที่มีถิ่นกำเนิดอยู่ที่นี้เป็นคนที่ ๓ ระหว่างนี้คิดถึงพี่น้องเราที่เคยพูดคุยแลกเปลี่ยนความคิดเห็นกัน จึงอดคิดและเสนอความเห็นไม่ได้ วันนี้ผมมีแนวคิดเล่นๆเล่าให้ฟังสัก ๓ แนวคิด
๑ .แนวคิดว่าทำไม ? ผมติดตามข่าวคราวการทำงานของพี่น้องอยู่จึงทำให้ทราบการเคลื่อนไหวที่น่าชื่นชม เรากำลังทำงานเชิงรุกซึ่งเป็นคุณแก่ประเทศชาติพระพุทธศาสนาและชาวพุทธไทยอย่างได้ผล พระคุณเจ้าและชาวพุทธทั่วไปตื่นตัวแล้วและกำลังช่วยเราอยู่ แต่กระนั้น ผมก็อดสงสัยไม่ได้ว่าเมื่อสถานการณ์การรุกคืบของอีกศาสนาหนึ่งชัดเจนขนาดนี้แล้ว แต่ไฉนรัฐบาลข้าราชการซึ่งมีทหารเป็นแกนนำจึงเออออห่อหมกกับกลุ่มผู้นำของศาสนานั้นอย่างไม่ฟังเสียงร้องเตือนของชาวพุทธอย่างพวกเราเลย ทั้งๆที่พฤติกรรมทั้งหมดนั้นเป็นการกลืนชาติกลืนพระพุทธศาสนาและโค่นล้มสถาบันสำคัญของชาติ ...ผมไม่อยากเชื่อว่าเขาไม่รู้ แต่งงว่าเมื่อรู้แล้วทำไมเขาไม่ป้องกันแก้ไข เพราะอะไร ? ข้าราชการไทย โดยเฉพาะทหาไม่ใช่โง่นะ ...เพราะสายทหารทางการศึกษาถือเป็นสายวิทยาศาสตร์ ดูชื่อปริญญาบัตรของนักเรียนนายร้อยซีครับ คือ วทบ. (วิทยาศาสตรบัณฑิต) คนเรียนสายวิทยาศาสตร์ได้ไม่ใช่โง่นะ แต่ผมและหลายคนก็อดสงสัยไม่ได้ว่า ทำไมกับสถานการณ์นี้ทหารจึงไม่ฉลาด ? ทำไม ? ทำไม
มีหลายคนว่า ทหารยุคนี้และระบบราชการไทยไม่เข้มแข็งเหมือนอย่างยุคเก่าอย่างยุคพลเอกเปรม พลเอกชวลิต ซึ่งรักษาชาติพระพุทธศาสนาและสถาบันพระมหากษัตริย์ไว้ด้วยเลือดเนื้อและชีวิต แต่กลับอ่อนแอปวกเปียก เป็นทหารและราชการธุรกิจ มัวเมาในลาภยศและผู้หญิง หลายคนว่า มีบุคลากรระดับบริหารของบางศาสนากำลังทำงานให้ศาสนาของเขาได้ก้าวหน้าทุกเรื่องไม่ว่าจะขยายศาสนสถาน ขยายตำแหน่งราชการ โยกย้ายหน่วยงานราชการ และการออกกฏหมายล้มพุทธ ด้วยการเสนอเงินและหญิงสาวสวยๆเป็นของตอบแทนแก่ผู้ใหญ่ของไทยในระบบราชการไทย ว่ากันว่าทุกวันนี้ข้าราชการผู้ใหญ่ของไทยมีเมียน้อยเป็นคนจากศาสนานั้นกันมากต่อมาก ผมเองไม่อยากจะเชื่อกับเรื่องที่ว่ามานั้น เพราะ

๑.๑ จะเป็นไปได้หรือที่ทหารไทยข้าราชการไทยจะเปลี่ยนไปได้ง่ายอย่างนั่น เพราะแต่ละคนได้รับพระราชทานเครื่องราชอิสริยาภรณ์และสายสะพานจากสถาบันพระมหากษัตริย์เป็นเครื่องเชิดชูเกียรติ ยิ่งทหารผู้ใหญ่ด้วยแล้วถึงขั้นดื่มน้ำพระพิพัฒน์สัตยาอันศักดิ์สิทธิ์เฉพาะพระพักตร์พระมหากษัตริย์และพระแก้วมรกตในวัดพระแก้วมาแล้วจะกล้าผิดคำสาบานกระนั้นหรือ เพราะมันหมายถึงจะถูกสาปแช่งให้ชีวิตวิบัติและตายด้วยคมหอกคมดาบ ๑.๒ เป็นได้หรือที่ศาสนานั้นต่างประกาศตัวเองว่าบริสุทธิ์แต่งชุดขาวเป็นอัตลักษณ์แสดงถึงจิตใจที่บริสุทธิ์จะกล้าทำสิ่งชั่วช้าเลวทรามขนาดนั้น โดยใช้หญิงสาวเป็นเครื่องมือ เพียงเพราะต้องการความสำเร็จทางด้านการทำงานของพวกตน เพราะหญิงสาวนั้นก็คือคนที่มีชีวิตจิตใจมีความคิด และบางทีก็เป็นลูกหลานของพวกเขาเอง ยิ่งจะเป็นไปไม่ได้ใหญ่หากเราดูตามคำกล่าวที่ว่าพระศาสดาของศาสนานั้นสอนให้เมตตากรุณาต่อสรรพชีวิตแม้กระทั่งต้นไม้ใบหญ้า หรือหากจะเป็นไปได้ก็ตรงที่ว่า พวกเขาตีค่าสตรีเป็นแค่เครื่องมือบำเรอความใคร่ ซึ่งเขามีสิทธิ์จะให้ทำอะไรก็ได้ แล้วถ้าอย่างนั้น ไม่ขัดกับหลักสิทธิมนุษยชนหรือ ? ถ้างั้น นักสิทธิมนุษยชนหายหัวไปไหน ? ทำไมไม่ลุกขึ้นมาปกป้องคุ้มครองหญิงสาวพวดนี้ ? หรือว่านักสิทธิมนุษยชนยอมให้คนในศาสนานี้ศาสนาเดียวจะปู้ยี่ปู้ยำทำอะไรกับใครได้หมด แม้กระทั้งหญืงสาวที่ยอมเอาอนาคตมาทิ้งด้วยเหตุผลทางศาสนา ๑.๓ จะเป็นไปได้หรือ ? ที่หญิงสาวเหล่านี้ก็มีการศึกษาหน้าตาก็ใช้ได้อนาคตก็ไกลอยู่จะยอมจบทุกอย่างด้วยการยอมพลีชีวิตพลีร่างพลีของสงวนในนามศาสนาเพื่อสนองตัณหาของชายใดก็ได้ไม่ว่าแก่คราวพ่อเพียงเพื่อช่วยให้ศาสนาของเธอบรรลุวัตถุประสงค์
ดูเถอะครับนั่งอยู่คนเดียวใจมันก็เตลิดเปิดเปิงไปไหนต่อไหน แต่ก็ไม่พ้นสถานการณ์พระพุทธศาสนาในบ้านเรา ผมแค่สงสัยและมีข้อขัดแย้งในใจมากมาย
๒. เรื่องพระเอก-ผู้ร้าย กลับมาเรื่องของผมบ้าง..ผมไม่รู้เลยว่า ตั้งแต่โพสต์ความในใจที่มีต่อ ดร.รักสยามไปแล้วมีผลตีกลับอย่างไรบ้าง ? เพราะเดินทางตลอด แต่พอไปที่รีโนแลัชิคาโกก็ทราบข่าวมาว่าไม่มีผลกระทบทางลบใดๆต่อ ดร.รักสยามก็สบายใจเพราะผมไม่ได้มีเจตนาร้ายต่อเขาหรือใครๆที่ผมพูดถึง เพียงเพราะเป็นห่วงแต่ว่าหากเราไม่ติงกันบ้าง งานใหญ่ที่กลุ่มเรายอมเหนื่อยยากทุ่มเททำกันมาจะเสียหาย แล้วพระศาสนาก็ไม่ได้อะไร เท่ากับเหนื่อยฟรีเพียงเพราะเรามาเป็นสนิมในเหล็กกันเสียเอง ผมยิ่งดีใจขึ้นอีก เมื่อทราบจากหลายท่านที่แจ้งว่า ข้อเขียนของผมทำให้ ดร.รักสยามเป็น "พระเอก" ขึ้นมาทันที เพราะมีหลายฝ่ายเห็นใจ แม้คนที่ไม่ค่อยไว้วางใจกันทางการเมืองก็วิ่งมาให้กำลังใจปลอบโยน ส่วนผมเสียอีกถูกวิพากย์อย่างหนักจนดูจะเป็น "ผู้ร้าย" ไป ก็ไม่ว่ากัน เพราะคนที่อนาคตเหลือน้อยอย่างผมคิดแต่ว่า "ชาตินี้ชีวืตเรามาได้ขนาดนี้ก็เพราะสถาบันสงฆ์ สถาบันพระพุทธศาสนาเกื้อกูลมา หากจะทำไม่ดีก็อย่าทำแก่สถาบันที่เป็นรากเหง้าของตัวเองมา และเมื่อทำดีอะไรไม่ได้มากก็จะขอทำการปกป้องสถาบันต้นกำเนิดของตัวเองให้อยู่ต่อไปได้ก็น่าจะเป็นบุญล้นเหลือ"
๓.การจัดตั้งสมาพันธ์ชาวพุทธที่อเมริกา ส่วนภารกิจเรื่องการตั้งสมาพันธ์ชาวพุทธแห่งอเมริกา ตั้งแล้วครับ แต่อาจไม่หวือหวาเหมือนที่อื่นเพราะเป็นการเจรจาตั้งประธานก่อน คือ อ.สมบูรณ์ ประจันบาล ใช้เวลาคุยกันพอสมควร กว่าท่านจะรับ ส่วนเลขาและกรรมการคนอื่นๆ ท่านจะติดต่อประสานเองแล้วแจ้งให้เราทราบ ทำไมต้องเป็น อ.สมบูรณ์ ? คำตอบ คือ ท่านทราบปัญหาและร่วมทำงานกับเราอยู่แล้ว ทางโซเชียลมีเดีย และมีใจเกินร้อย ส่วนคนอื่นๆคงต้องใช้เวลา
ผมมาครั่งนี้ด้วยทุนของ World Buddhist University ที่ให้ผมมาประชุมกับ Naropa University เรื่องพระพุทธศาสนาในยุคปัจจุบัน
๔. การเลือกตั้งที่อเมริกา ที่อเมริกากำลังจะมีการเลือกตั้ง ก็ไม่เห็นคึกคักอะไร ดูเหมือนว่าคนอเมริกันจะเข้าใจเป็นแนวทางเดียวกันว่า ฮืลลารี มาแน่ แต่ถ้าพลิกล็อคก็คงจะโกลาหล เพราะนโบายของทรัมป์ ที่เกี่ยวกับเรื่องมุสลิมดูเขาจะไม่วิตกกัน แนวร่วมของทรีมป์เยอะเหมือนกัน แต่ที่เขาวิตกกันมากคือนโยบายชูความเป็นอเมริกาสุดโต่ง โดยการตั้งกำแพงกันเม็กซิกันไม่ให้เข้ามาขายแรงงาน คุณปรีชา ขจรจิต พ่อของน้องเอมีและน้องอาร์ต เลือด มจร.และกำลังก้าวเข้าเป็นผู้บริหารระดับสูงของบริษัทอเมริกันชิปปิ้งใหญ่แห่งหนึ่งวิเคราะห์ให้ผมฟังว่า "หากไม่ให้คนเม็กซิกันเข้ามาขายแรงงาน ระบบเศรษฐกืจพังหมด นึกถึงเมืองไทยเรา ถ้าให้แรงงานพม่าออกหมดจะเป็นอย่างไร ...คนเม็กซิกันมาขายแรงงานนั่นมาช่วยให้อเมริการ่ำรวยนะ เพราะนายทุนจ่ายค่าจ้างไม่แพงมาก"
@ เอาละครับ ผมกระแดะไปพูดการเมืองได้นิดหน่อย พอดี เที่ยงครึ่งแล้ว ได้เวลาขึ้นเครื่องกลับบ้านพอดี ....พบกันที่เมืองไทยนะ สวัสดี
Komentar